รางน้ำฝน ตัวช่วย แก้ปัญหา น่าปวดหัว ของคนรักสวน ในช่วงหน้าฝน ที่มักจะ มีปัญหา กวนใจเสมอ โดยเฉพาะ เวลาที่ฝนตกหนัก ๆ น้ำฝน ไหลกระทบพื้น ด้านล่าง
ถ้าพื้นเป็นดิน หรือพื้นที่ปลูกต้นไม้ ก็จะทำให้ บริเวณนั้น เลอะเทอะ เสียหาย แต่ถ้าเป็นพื้นคอนกรีต น้ำฝน ก็จะกระเด็น ไปได้รอบทิศทาง จนทำให้เกิด น้ำท่วมขัง ในบางจุด ของบ้าน หรืออาจจะไหล กระเด็นไปยัง บ้านข้างเคียง ทำให้เกิด ปัญหากับเพื่อนบ้าน ตามมาได้
รางน้ำฝน เป็นอุปกรณ์ ก่อสร้าง ที่จำเป็น สำหรับทุกบ้าน และเป็น อุปกรณ์ ภายนอกบ้าน ที่สามารถ ติดตั้ง ได้ง่าย ทั้งบ้านเก่า หรือบ้านใหม่ โดยรางน้ำฝน ที่ติดตั้ง อย่างถูกต้อง จะมีการ เชื่อมท่อ กับราง เพื่อเป็น การบังคับ ให้น้ำฝน ไหลลงไป สู่จุดที่ต้องการ
เป็นการป้องกัน ปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น จากการกระเด็น ของน้ำฝนได้ แต่เนื่องจาก รางน้ำฝน จะติดตั้ง บริเวณเชิงชาย ซึ่งเป็นที่สูง ทำให้ยาก ต่อการ ขึ้นไปดูแล รักษา อีกทั้ง ยังอาจเกิด ปัญหาสนิม การผุพัง ของวัสดดุ และปัญหา เรื่องเศษใบไม้ ใบหญ้า ไปอุดตัน รางน้ำฝน
การเลือกใช้ รางน้ำฝน ที่มีคุณภาพ จะช่วยป้องกัน ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ จึงถือเป็น เรื่องสำคัญ และตัวแปร ของคุณภาพ รางน้ำฝน ก็มักจะ ขึ้นอยู่ กับประเภท ของวัสดุ ที่เลือกใช้ ซึ่งจะแตกต่างกัน รับออกแบบบ้าน
ประเภทของรางน้ำฝน
1. รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส
ไฟเบอร์กลาส คือ เส้นใยของแก้ว ที่นำมาผ่าน กรรมวิธีปั่น จนเป็น เส้นละเอียด เพื่อใช้เป็น วัสดุเสริมแรง ในพอลิเมอร์ หลากหลายประเภท ซึ่งคุณสมบัติ ของเส้นใยแก้วนี้ จะมีความแข็งแรง ทนต่อแรงดึง สนิม และการกัดกร่อนสูง
ข้อดี ของรางน้ำฝน ประเภทนี้ จึงเป็น เรื่องความทนทาน มีน้ำหนักเบา และสามารถ เชื่อมรอยต่อ ให้เป็นเนื้อเดียวกันได้
แต่ข้อเสีย คือ ขั้นตอนการติดตั้ง ที่ต้องมีการตัด เจาะ หรือการเชื่อมรอยต่อ ด้วยน้ำยา เพื่อประกอบหน้างาน อาจทำให้ เกิดการระคายเคืองได้ และถ้าติดตั้ง แบบลอยตัว ก็จะเห็นโครงรับราง ที่ดูไม่เรียบร้อย สวยงาม
2. รางน้ำฝนเหล็กชุบสี
การผลิตรางน้ำฝน ที่ผลิตจาก วัสดุเหล็กชุบสี จะเป็นการ นำเหล็ก ที่มีความแข็งแรง มาผ่าน กรรมวิธี กันสนิม จากนั้น จึงชุบสี ให้สวยงาม อีกชั้นหนึ่ง
ข้อดี ของรางน้ำฝน ประเภทนี้ คือ ความแข็งแรง นอกจากนี้ ยังมีสีสัน ให้เลือกใช้ อย่างหลากหลาย ให้เข้ากับ สีของ แผ่นหลังคาบ้าน ส่วนใหญ่ และมีระบบ สำเร็จรูป สำหรับประกอบ หน้างาน
ส่วนข้อเสีย คือ คุณภาพของเหล็ก จะขึ้นอยู่กับ ผู้ผลิต ซึ่งมีการผลิต ออกมาหลายเกรด ราคาค่อนข้างสูง มักต้องสั่งผลิต โดยมีจำนวนขั้นต่ำ ในการสั่ง และมักจะใช้เวลา ในการผลิต และนำเข้านาน รวมทั้ง ถ้าติดตั้ง แบบลอยตัว ก็จะเห็นโครงรับราง ที่ดูไม่เรียบร้อย สวยงาม
3. รางน้ำฝนสเตนเลส
เป็นรางน้ำฝน ที่ได้รับ ความนิยมสูง เนื่องจาก เป็นโลหะ ที่ไม่เป็นสนิม มีมากมาย หลายยี่ห้อ รวมไปถึง รางน้ำสเตนเลส SCG ที่ผลิตออกมา ในรูปแบบ รางน้ำฝนตะเข้
การผลิต รางน้ำฝนสเตนเลส โดยส่วนมาก มักจะใช้ สเตนเลสเกรด 304 ซึ่งมีความหนา สามารถ พับขึ้นรูปได้ แบบสังกะสี แต่มีความแข็งแรง ทนทาน มากกว่า มีอายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไป
ข้อจำกัด ของรางน้ำฝนชนิดนี้ คือ แม้จะสามารถ พับขึ้นรูปได้ แต่ก็เปลี่ยนสภาพ ได้ง่าย เมื่อถูกแรงกระแทก ตัววัสดุ มีความมันวาว ที่ไม่ค่อยเข้ากัน กับบ้าน ในยุคปัจจุบัน
ถ้าใช้สเตนเลส เกรดไม่ดี ก็อาจเกิด ปัญหาสนิม นำมาสู่ การรั่วซึม ทั้งบริเวณ ที่เป็นสนิม และบริเวณ รอยเชื่อมต่อต่าง ๆ เพราะถ้าทำการ เชื่อมต่อไม่ดี ในขั้นตอนการติดตั้ง ก็เกิดโอกาส รั่วซึม ได้สูง
อีกทั้ง สเตนเลส ยังขยายตัวได้มาก เมื่อโดนความร้อน จึงสร้างเสียงรบกวน ทั้งเวลาร้อนจัด และเวลาฝนตกกระทบ นอกจากนี้ ถ้าติดตั้ง แบบลอยตัว จะเห็นโครงรับราง ดูไม่เรียบร้อย สวยงาม
4. รางน้ำฝนสังกะสี
แผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี หรือแผ่นสังกะสีนั้น เป็นวัสดุ อีกประเภท ที่สามารถ นำมาผลิต เป็นรางน้ำฝนได้ ซึ่งรางน้ำฝนสังกะสี ในอดีตนั้น เป็นที่นิยมมาก
เพราะเป็นวัสดุ ที่หาซื้อ ได้ง่าย ราคาถูก มีความหนา ให้เลือกหลากหลาย ขนาด ตามความพอใจ สามารถตัด และพับขึ้นรูปได้ ตามรูปแบบ และขนาด ที่ต้องการ สามารถติดตั้งได้ โดยช่างทั่วไป ในท้องถิ่น
แต่เป็นรางน้ำฝน ที่มีอายุการใช้งานสั้น เนื่องจาก เป็นสนิม และผุกร่อน ได้ง่าย มีความยาวจำกัด จึงต้อง มีการเชื่อมต่อ หลายจุด จึงมักมีปัญหา รั่วซึม บริเวณรอยเชื่อมต่อ อีกทั้ง ยังเสียงดังรบกวน เมื่อฝนตกกระทบ และถ้าติดตั้ง แบบลอยตัว ก็จะเห็นโครงรับราง ดูไม่เรียบร้อย สวยงาม
5. รางน้ำฝนไวนิล
ไวนิล คือ โพลิเมอร์สังเคราะห์ชนิดหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว แตกต่างจากวัสดุแบบอื่น ๆ ปัจจุบัน ได้รับความนิยม อย่างมาก คุณสมบัติเด่นของไวนิล คือ ไม่เป็นสนิม ตลอดอายุการใช้งาน ไม่ลามไฟ แข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทั้งแดด และฝนได้ดี
เหมาะสำหรับ ใช้งานภายนอกบ้าน มีอายุการใช้งาน เฉลี่ยประมาณ 10 ปีขึ้นไป ดูทันสมัย สวยงาม เข้ากับบ้าน ได้ทุกแบบทุกสไตล์ เมื่อติดแล้ว จะยาวต่อเนื่อง โดยไม่เห็นโครงรับรางน้ำ
ราคาไม่แพง โดยเริ่มตั้งแต่ 500 – 1,000 บาท/เมตร ขึ้นอยู่กับ เกรดวัสดุ และค่าแรงติดตั้ง ส่วนข้อจำกัด ของรางน้ำฝนไวนิล คือถ้าติดตั้ง ไม่ได้มาตรฐาน ตามที่ผู้ผลิต แนะนำไว้ ก็อาจจะเกิด การบิด หรือโก่งงอได้